ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สุดยอดปัญญาประดิษฐ์ Google DeepMind สมองกลที่คิดได้เหมือนมนุษย์ | The S...

หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อ กูเกิล ดีปไมด์ (Google DeepMind) มาก่อน…ไม่เป็นไร!! วันนี้ทางทีมงาน The Story จะพาไปรู้จัก Google DeepMind สุดยอด “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence) 
ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกในไม่ช้า กับ สุดยอดปัญญาประดิษฐ์ Google DeepMind สมองกลที่คิดได้เหมือนมนุษย์ ไปดูกันว่ามันจะอัจฉริยะและน่าสนใจขนาดไหน
กูเกิล ดีปไมด์ (Google DeepMind) เดิมชื่อ ดีปไมด์ เทคโนโลยี ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดย Demis Hassabis, Shane Legg และ Mustafa Suleyman จากนั้น Google เห็นแววว่ารุ่งแน่ในอนาคต
จึงได้เข้าซื้อกิจการและเปลี่ยนเชื่อเป็น กูเกิล ดีปไมด์ (Google DeepMind) ไปเรียบร้อยในช่วงต้นปี 2014 มูลค่าราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กูเกิล ดีปไมด์ (Google DeepMind) นั้นมีหน้าทีวิจัยและพัฒนาโครงข่ายประสาทเทียม “ปัญญาประดิษฐ์” ที่มีความสามารถในการคิดอย่างรวดเร็วและซับซ้อน 
สามารถเรียนรู้ได้ว่าจะเล่นวิดีโอเกมให้เหมือนมนุษย์ได้อย่างไร และโครงข่ายประสาทเทียมนี้ สามารถเลียนแบบความทรงจำระยะสั้นของมนุษย์ได้อีกด้วย
วีดีโอต่อไปนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการการเล่นเกม Breakout ของ Deep Q (ปัญญาประดิษฐ์) จะเห็นได้ว่าในการเล่น 10 นาทีแรก เจ้า Deep Q ยังดูงงๆกับการเล่นอยู่ 
แต่เมื่อผ่านไป 2 ชั่วโมงก็เล่นเก่งขึ้นเข้าขั้นเกมเมอร์ และเมื่อผ่านไป 4 ชั่วโมง Deep Q ก็เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่า วิธีการเล่นเกมนี้ที่ดีที่สุดคือการเจาะกำแพงขึ้นไป จะสามารถเคลียร์เกมได้อย่างรวดเร็ว 
ต่อจากนั้น กูเกิล ดีปไมด์ (Google DeepMind) ได้สร้าง AlphaGo (ปัญญาประดิษฐ์) ที่สามารถเข้าแข่งขัน “หมากล้อม” กับนักแข่งระดับโลกได้ แถมมันเคยเอาชนะ Lee Sedol (แชมป์โลก) ได้ 4 ต่อ 1 เกม 
ซึ่งถือว่าเป็นก้าวกระโดดของวงการปัญญาประดิษฐ์เลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้เกมหมากล้อม คือความท้าทายระดับสุดยอดของวงการปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งใครที่เอาชนะมนุษย์ที่เก่งที่สุดได้ 
จะถือว่าเป็นคนบุกเบิกยุคใหม่ของวงการปัญญาประดิษฐ์เลยทีเดียว
ปัจจุบัน AlphaGo มีอันดับที่ 2 ใน World Ranking
การแข่งขันที่ทั่วโลกจับตาดู AlphaGo vs Lee Sedol
ภาพการแข่งระหว่าง AlphaGo vs Lee Sedol 
Lee Sedol ถึงกับเครียด เพราะเขาเดาความคิดของ AlphaGo ไม่ออก
ยิ่งช่วงท้ายเกมทางเลือก (ความเป็นไปได้) ยิ่งน้อยลง เข้าทาง AlphaGo อย่างแรง
ปัจจุบันนี้ Google ได้นำระบบ “ปัญญาประดิษฐ์” มาต่อกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดต่างๆ เช่น อุณหภูมิและความสว่าง และต่ออีกด้านหนึ่งเข้ากับสวิตช์เปิดปิดไฟทั้งหมด รวมไปถึงพัดลมและระบบหล่อเย็น
หรือแม้แต่หน้าต่างโดยรวมแล้วกว่า 120 อย่าง
ซึ่งทำให้ DeepMind สามารถควบคุม Data Center ได้เหมือนเล่นเกม! โดยเกมที่มันเล่นคือเกมลดค่าไฟนั่นเอง โดยล่าสุดมันสามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้าใน Data Centers ได้ถึง 15%
โดยข้อมูลในปี 2014 Google ใช้ไฟไปทั้งหมด 4,402,836 MWh เทียบได้กับบ้านเรือนประมาณ 366,903 หลังและด้วยราคาประมาณ 25$-40$ ต่อ MWh ทำให้ Google ต้องจ่ายค่าไฟฟ้ากว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี 
(โดยประมาณ) ด้วยการลดการใช้ไฟฟ้าลงกว่า 15% ทำให้ Google สามารถลดค่าใช้จ่ายต่อปีได้เกือบๆ พันล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
Hassabis ผู้ก่อตั้ง DeepMind ยังบอกอีกว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของงานนี้ ตอนนี้ DeepMind มันสามารถรู้ได้ว่าข้อมูลตรงไหนที่มันยังขาดไป ทำให้มันสามารถร้องขอให้ทีมงานเพิ่มเซ็นเซอร์และสวิตช์ตรงตำแหน่งนั้น
เพื่อให้มันเก่งขึ้นได้อีก

ความคิดเห็น

Zone เพลง RAP HipHop ในวัยทำงาน