ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

UX/UI - Karun Warapongsittikul - UX Academy


UX คือศาสตร์ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และ Business Model
UX > User Experience
UI > User Interface
IxD > Interaction Design
- Compatibility
- Simplicity
- Trialability
- Observability
- Business Model Based on User Experience

Design คือ ศาสตร์ของการแก้ปัญหา
ยอดภูเขาน้ำแข็งที่คนส่วนใหญ่มองเห็น คือ Visual Design, Interaction ซึ่งเป็นแค่ Surface Level แต่งานก้อนใหญ่จรืงๆที่ทำให้ Surface Level นั้นลอยอยู่ได้คือ UX คือ ภูเขาน้ำแข็งด้านล่าง
หน้าที่ของ UX คือการดึงผู้ใช้งานมาอยู่ในกระบวนการคิดทั้งหมด

กระบวนการของ UX
**Planning**
1. ต้องเข้าใจว่าผู้ใช้งานเราเป็นใคร (เราไม่ใช่ User และห้ามติ๊งต่างว่าเราเป็น)
2. เข้าใจ Product ของเรา
3. ตลาดต้องการ Product ประเภทนี้ไหม
4. ในตลาดเขามองส่วนไหนเป็น Priority
5. การเข้าใจคู่แข่งในตลาด เราจะสร้างความแตกต่างอย่างไร

**User Center Design (UCD)**
การออกแบบ Product (Product Design) ที่จะต้องมีผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง การตัดสินใจจะต้องมาจากผู้ใช้งาน ซึ่งจะต้องใช้ Design Thinking Process (เป็นรากของ LeanUX ของ Startup > Build Measure Learn) มีอยู่ 5 Phase ดังนี้

1. Empathy > การเข้าใจ User อาจจะทำ User Research
1.1 เราต้องหาข้อมูลเชิงปริมาณ Quantitative Data โดยการ Survey + Analytic เราจะได้ข้อมูลเชิงปริมาณ หลังจากนั้นเราจะได้เห็นภาพกว้าง ซึ่งเราต้องเข้าใจ User ทั้งทางด้าน กายภาพ และด้านจิตวิทยา เราต้องรู้ว่า User คิดอะไร
1.2 Engage หลังจากนั้นเราจำเป็นต้องหา Qualitative Data ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการ Observe การสังเกตุ การ Interview การฟังเขา (Watch & Listen) ซึ่งเราไม่ควรจะไปถาม User ว่าเขาต้องการอะไร ต้องการแบบนี้แบบนั้นหรือไม่ เพราะเขาจะตอบว่าต้องการ เช่น คุณคิดว่าม้าที่เร็วขึ้นจะทำให้ชีวิตคุณสดวกขึ้นอย่างไรบ้าง User ตอบว่า สามารถเดินทางได้เร็วขึ้น กลับบ้านได้เร็วขึ้น > Need ของ User คือ เขาต้องการเดินทางได้เร็วขึ้น ดังนั้น Solution ไม่จำเป็นจะต้องเป็นม้าที่เร็วขึ้น Solution อาจจะเป็นรถยน หรืออะไรก็ตาม
โดยใช้ **Persona** คือ ตัวแทนเสมือนของผู้ใช้ เราสร้างเพื่อจินตนาการ User นี้ขึ้นมาในทีม แบ่งเป็น Marketing Persona (Market Target & Market Segment), UX Persona (Interactive Persona)
Persona ใช้สำหรับ
- สร้างความเข้าใจ ทำให้เรา Focus ในตัว User ได้ดีขึ้น
- สร้าง หรือป้องกัน การตัดสินใจอะไรหลายๆอย่าง
- สามารถวัดผลได้
เช่นเราสร้างน้องพิมฐา มี Lifestyle แบบนี้ อายุเท่านี้ ชอบอะไรประมาณนี้ ผ่านการ Interview มาหลายรอบ พอเราทำ Survey ขึ้นมา Market ของเราคนอายุเท่านี้ มันไม่ได้มี 30,000 มีแค่ 20,000 เท่านั้นเอง Personaพิมฐา อาจเปลี่ยนเป็น น้องแจง คือ คนใช้งานจริงๆของเรากับ Persona ตั้งตนอาจจะไม่ตรงกัน

2. Define > ทำให้เกิดความกระจ่างของปัญหา ด้วยการ Define ว่าเราจะแก้ปัญหาอะไร เช่น ถ้า User ของเราเป็นเด็กในประเทศด้อยพัฒนาที่ต้องการเรียนคอมพิวเตอร์ เราอาจจะ Define ปัญหาว่า Computer ของโรงเรียนไม่พอใช้ ซึ่งเรารู้มาว่า (Insight) เด็กจะเรียนรู้ได้เร็วโดยการ Learning by Doing (เรียนโดยการลงมือทำ) Solution แรกคือ ทุกโต๊ะมีเม้าส์ และต่อเข้ากับคอมตัวเดียวแต่มีเคอเซอร์ต่างกัน แล้วเปิดให้เล่นไปพร้อมกัน
อีก Solution ตั้งโครงการ One Laptop per child วัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กสร้างโค้ดได้เอง เรียนได้เอง

3. Ideate > หลังจากนั้นเรามา Ideate วิธีการแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คือ สร้างไอเดียให้ได้มากที่สุด แล้วเอามา Study ว่า อันไหนเป็นไปได้มากที่สุด ส่วนมากจะผ่านการ Brainstorm

4. Prototype > ต้องสามารถ Test ในสิ่งที่เราอยากจะ Test ได้ สามารถตอบคำถามในสิ่งที่เราอยากจะถามได้ แล้วเก็บ Feedback
- ทุกๆอย่างต้องถูก Present ออกมา เช่น ลบอีเมล แล้วอีเมลถูกดูดลงถังขยะ
- Inform User เช่น เวลากดไปที่ Search จะมีเคอเซอร์กระพิบๆ เพื่อให้ User ไม่หลงทาง
- ทำให้ Structure ของ App หรือ Website มัน Clear ที่สุด

5. Test > พอเราได้ Prototype เราก็เอาไปเทส โดยไม่ยึดติดกับการเพิ่ม Feature แต่ทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งได้ผลอย่างไรให้เราย้อนกลับมาทำใหม่อีกที โดยทำ MVP (Proof of Hypothesis with Minimum Cost) คือทำยังไงก็ได้ให้ราคามันต่ำที่สุด โดยที่มันสามารถ Test สมมติฐานของเราได้

1.!!!!!!Design Sprint Method (Google Design Sprint)!!!!!! หรือเรียกว่า (Design Thinking)* เราควรใช้ในช่วงแรกซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นที่เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเราควรจะทำอะไรกันแน่
คือการเอา Process เดิมๆ แต่เร่งให้มันเร็วที่สุด เช่นจากเดิม Decision 1 เดือน ให้เหลือ 5 วัน เป็นต้น
เน้นทำให้ Loop มันสั้นที่สุด อาจจะไม่จำเป็นต้องสร้างอะไรเลยด้วยซ้ำ Validate จากตัว Concept ไปเลย
DAY1 Discover > ทำ Research User เพื่อเข้าใจ User เอาข้อมูลมาแบให้ดูในทีม และ Brainstrom กัน
DAY2,3 Ideation, Concept > เราจะได้ Wire Frame คร่าวๆ ซึ่งอาจจะได้ Paper Prototype
DAY4,5 Prototype, Test อาจจะใช้กระดาษก็ได้ อะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสวยงาม ขอแค่ทดสอบ Idea ได้จริงจากการเชิญ User มาใช้งาน

2.!!!!!!LeanUX!!!!!!!!
1. Concept
2. Prototype
3. Validate Internally (จากผู้ใช้จริง)
4. Test Externally (จากผู้ใช้จริง)
5. Learn From User Behavior
6. Iterate

3.!!!!!! Agile!!!!!! > ใช้ระหว่างทำงาน
--------------------------------------------------------------
#TechBabNee | #Trend | #เทรนด์ | #Design | #Digital | #AI | #DeepLearning | #Disruptive | #JitFin
--------------------------------------------------------------
http://Https://TechBabNee.Blogspot.com

ความคิดเห็น

Zone เพลง RAP HipHop ในวัยทำงาน